วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2556

คำศัพท์ที่ควรรู้เกี่ยวกับ Internet และ Network


11. SPAM MAIL








               สแปมเมล์ (Spam Mail) คือ อีเมล์ (E-mail) ที่ถูกส่งมาจากที่ต่าง ๆ อาจเรียกได้ว่า Spam Mail คือ E-mail ที่ไม่พึงประสงค์ (Junk Mail) สำหรับผู้ที่ใช้บริการ E-mail เรื่องของ Spam Mail เป็นปัญหาที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นทุกวันเพราะข้อมูลจากทั่วโลกหลั่งไหลมาให้เราเลือกอย่างมากมาย ที่ต้องระวังอย่างมาก คือระบบความปลอดภัยของข้อมูล ต้องหมั่นดูแลป้องกันไวรัสด้วยโปรแกรมที่ไว้ใจได้ และที่สำคัญ อย่าเปิดดู E-mail ที่รับจากคนแปลกหน้า



              Spam Mail นั้นถูกส่งมาโดยการที่ผู้ใช้นำ E-mail ไปทิ้งไว้ในที่ต่าง ๆ เช่น Chat Room ที่มีการนำ E-mail ทิ้งไว้เพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสารกัน แต่นอกจากบุคคลที่ต้องการติดต่อแล้ว E-mail ที่ถูกทิ้งไว้อาจ จะเป็นเส้นทางสำหรับ Spam Mail ที่จะส่งเข้ามา นอกจาก Chat Room แล้ว ยังมีสถานที่อีกหลายแห่งที่เรามักจะนำ E-mail ไปฝากไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ เช่น การ subscribe ตาม News Group, Website ต่าง ๆ หรือการไปทิ้ง E-mail ของตัวเองไว้ตาม Webboard ซึ่งเป็นที่สาธารณะ ไม่ว่าในประเทศไทยหรือต่างประเทศ ก็สามารถเห็น E-mail ของคุณ แล้วนำไปใส่ในลิสต์ส่ง Spam Mail ได้ รวมไปถึง E-mail ที่ส่ง
ถึงกันเฉพาะกลุ่ม อาจจะถูก Forward ไปหาคนอื่นต่อ ๆ กันไป ทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทำให้ง่ายต่อการที่จะรวบรวม Address จำนวนมากไว้เพื่อใช้ในวัตถุประสงค์อื่น ๆ โดยเฉพาะเมื่อตกถึงมือของ Spammer








12. TELNET




               Telnet คือ บริการที่ช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งโดยการใช้Internet หากคุณได้รับสิทธิ์ในการเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นจากเจ้าของเครื่องหรือผู้ดูแล Telnet จะยินยอมให้คุณพิมพ์คำสั่งที่ใช้สำหรับการเข้าถึงโปรแกรมและการบริการต่างๆ ที่อยู่บนเครื่องคอมพิวเตอร์ระยะไกล ราวกับว่าคุณนั่งอยู่ตรงข้างหน้าเครื่องดังกล่าว สามารถใช้ Telnet ทำงานได้หลายอย่าง ซึ่งรวมถึงการเข้าถึงอีเมล ฐานข้อมูล หรือแฟ้ม ซึ่งบริการ Telnet นี้จะทำงานในเครื่องบริการที่ติดตั้งระบบปฏิบัติการ Unix หรือ Linux ตัวอย่างโปรแกรม เช่น NCSA Telnet 

               ปัจจุบันการใช้โปรแกรมนี้เริ่มลดลง เพราะมีจุดบกพร่องเรื่องความปลอดภัย เนื่องจากอาจมีผู้ไม่หวังดี ใช้ Telnet แล้วแอบเก็บข้อมูลของเครื่องอื่นไปใช้ในทางที่ไม่ดีได้ วิธีป้องกัน เพื่อไม่ให้ถูกขโมยข้อมูลผ่าน Telnet คือใช้โปรแกรม SSH (Secure Shell) ซึ่งเข้ารหัสข้อมูลก่อนส่ง ทำให้ผู้ลักลอบไม่สามารถเห็นข้อมูลที่แท้จริง ปัจจุบันระบบปฏิบัติการ Unix หรือ Linux จะมีบริการ SSH เสมอ 







13. TCP/IP 





               โปรโตคอล TCP/IP หรือ Transmission Control Protocol/Internet Protocol เป็นระเบียบวิธีการ สื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ ที่ใช้กันมาแต่เดิมในระบบปฏิบัติการ Unix ซึ่งมีการใช้งานอย่าง กว้างขวางมาก จนถือเป็นมาตรฐานได้ จุดกำเนิดของโปรโตคอล TCP/IP นี้เริ่มขึ้นในราว พ.ศ. 2512 ที่กระทรวงกลาโหมของสหรัฐ เมื่อพบปัญหาในการเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในหน่วยงานต่างๆ ของตน ซึ่งจะต้องมีการส่งข้อมูลระหว่างกัน และไปยังหน่วยงานภายนอกอื่นๆ เช่น มหาวิทยาลัย ห้องทดลองต่างๆ (ส่วนใหญ่มีเครื่องที่ใช้ระบบ Unix อยู่เป็นจำนวนมาก) เนื่องจากแต่ละแห่งก็จะมีระบบคอมพิวเตอร์ของตนเองที่แตกต่างกันไป การต่อเชื่อมกันก็เป็นไปในลักษณะต่างคนต่างทำไม เหมือนกัน ดังนั้นข่าวสารข้อมูลทั้งหลาย จึงถ่ายเทไปมาได้อย่างยากลำบากมาก กระทรวงกลาโหมสหรัฐได้ จัดตั้งหน่วยงาน Advanced Research Projects Agencies (ARPA) ขึ้นมา เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ ผลลัพธ์ที่หน่วยงาน ARPA ได้จัดทำขึ้นคือ การกำหนดมาตรฐานในการสื่อสารข้อมูลและได้จัดตั้งเครือข่าย ARPANET ขึ้นโดยใช้โปรโตคอล TCP/IP ต่อมาก็กลายมาเป็นมาตรฐานจริงจัง ในราวปี พ.ศ. 2525 

               การที่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ถูกเชื่อมโยงกันไว้ในระบบ  จะสามารถติดต่อสื่อสารกันได้นั้น จำเป็นจะต้องมีภาษาสื่อสารที่เรียกว่า โปรโตคอล (Protocol ) ซึ่งในระบบInternet จะใช้ภาษาสื่อสารมาตรฐานที่ชื่อว่า TCP/IP เป็นภาษาหลัก ดังนั้นหากเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะเป็นเครื่องระดับไมโครคอมพิวเตอร์ มินิคอมพิวเตอร์ หรือเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ ก็สามารถเชื่อมโยงเข้าสู่อินเทอร์เน็ตได้
              
              TCP  ย่อมาจากคำว่า   Transmission Control Protocol
              IP   ย่อมาจากคำว่า   Internet  Protocol
              TCP/IP คือชุดของโปรโตคอลที่ถูกใช้ในการสื่อสารผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้สามารถใช้สื่อสารจากต้นทางข้ามเครือข่ายไปยังปลายทางได้ และสามารถหาเส้นทางที่จะส่งข้อมูลไปได้เองโดยอัตโนมัติ 

              TCP และ IP มีหน้าที่ต่างกัน คือ
               1.  TCP จะทำหน้าที่ในการแยกข้อมูลเป็นส่วน ๆ หรือที่เรียกว่า Package ส่งออกไป ส่วน TCP ปลายทาง ก็จะทำการรวบรวมข้อมูลแต่ละส่วนเข้าด้วยกัน เพื่อนำไปประมวลผลต่อไป โดยระหว่างการรับส่งข้อมูลนั้นก็จะมีการตรวจสอบความถูกต้องของ ข้อมูลด้วย ถ้าเกิดผิดพลาด TCP ปลายทางก็จะขอไปยัง TCP ต้นทางให้ส่งข้อมูลมาใหม่
               2.  IP จะทำหน้าที่ในการจัดส่งข้อมูลจากเครื่องต้นทางไปยังเครื่องปลายทางโดยอาศัย IP Address 






14. WEBMASTER







เว็บมาสเตอร์คือใคร
              เว็บมาสเตอร์ (webmaster) คือ ผู้ที่ดูแลเว็บไซต์ ผู้ที่จะคอยควบคุมทิศทางของเว็บไซต์นั้น ๆ ว่าจะออกมาในรูปแบบใด ตั้งแต่เนื้อหาภายในเว็บ ตลอดจนถึงหน้าตาของเว็บเพจ แต่เว็บมาสเตอร์อาจจะไม่ต้องทำเองทั้งหมด เพราะตัวเว็บมาสเตอร์เปรียบไปแล้วก็เหมือนผู้บริหารองค์กร ๆ หนึ่ง คือคอยดูแล กำหนดแนวทาง ของเว็บไซต์นั้นๆ

หน้าที่ของเว็บมาสเตอร์
              เว็บมาสเตอร์คือผู้ที่มีหน้าที่ดูแลเว็บไซต์ทั้งหมด รวมถึงดูแลในส่วนของข้อมูลต่าง ๆ และรับผิดชอบหากเกิดกรณีข้อมูลภายในเว็บมีปัญหาเกิดขึ้น เช่น ข้อมูลในเว็บไปละเมิดสิทธิ์ของคนอื่น อันนี้เว็บมาสเตอร์ต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว เกิดอะไรจะดีหรือไม่ดี เขาจะติดต่อมาที่เว็บมาสเตอร์แต่เพียงผู้เดียว










15. TOKEN RING






              เครือข่ายแบบ token ring เป็นระบบเครือข่ายแบบ LAN ซึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์ต่อด้วย topology แบบ หรือ star และระบบเลขฐานสอง (หรือ token) เป็นแบบแผนการส่งที่ใช้ในการป้องกันการชนกันของข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง ที่ต้องการส่ง message ในเวลาเดียวกัน โปรโตคอลของ token ring ได้รับการใช้เป็นอันดับที่สองในระบบ LAN รองจาก Ethernet โปรโตคอล โดย IBM token ring ได้นำไปสู่มาตรฐานของ IEEE 802.5 ซึ่งโปรโตคอลทั้งสองได้รับการใช้และคล้ายกันมาก การส่งข้อมูลของเทคโนโลยี IEEE 802.5 token ring ให้อัตราการส่งข้อมูล 4 -16 Mbps ลักษณะการทำงานโดยย่อ
              1. ใช้การส่ง information frame เปล่า ไปรอบ ring อย่างต่อเนื่อง
              2. เมื่อมีคอมพิวเตอร์ตอบการส่ง message จะเพิ่ม token เข้าไปใน frame เปล่า (ซึ่งบิตของ token ในเฟรมจะเปลี่ยนจาก "0" เป็น "1") และแทรก message และจุดหมายปลายทางใน frame
              3. เมื่อ frame ได้รับการตรวจสอบโดยแต่ละ เวิร์กสเตชั่น โดยเวิร์กสเตชั่นที่เป็นปลายทางของ message จะก็อบปี้ message จาก frame แล้วเปลี่ยน token กลับเป็น 0
              4. เมื่อ frame กลับไปที่จุดเริ่มต้น และเห็นว่า token เปลี่ยนเป็น 0 แล้ว ซึ่งแสดงว่ามีการรับ message ไปแล้ว จากนั้นจะมีการลบ message จาก frame
              5. frame ดังกล่าวจะหมุนเวียนเป็น frame เปล่าต่อไป พร้อมที่จะรับ message จากอุปกรณ์หรือคอมพิวเตอร์ใหม่








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น